Hotels2thailand.com

ENG1002 Vocabulary Usage

Vocabulary Usage

Special Verb

เมื่อเริ่มต้นประโยคด้วยโครงสร้าง(pattern) ด้านล่าง  ต้องตามด้วย V1 หรือ V2 ตามด้านล่าง

It is + adj + that + S (noun/pronoun) + V1
It was + adj + that + S (noun/pronoun) + V2
It is/was+ adj + to V1

advisable = แนะนำกันว่า
crucial = สำคัญมาก
essential = จำเป็น
imperativeจำเป็น
important = สำคัญ
necessary = จำเป็น
urgent =  ด่วน

ตัวอย่าง
It is essential to follow the safety rules.
การทำตามกฎ ระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย จำเป็นมาก

It was urgent to finish this task yesterday and we did it.
เป็นการด่วนมากทีจะต้องทำงานนี้ให้เสร็จเมื่อวานนี้  และเราก็ทำเสร็จจนได้

It was necessary that you attent the seminar.
เป็นเรื่องจำเป็นที่คุณต้องเข้าสัมนา

It is extremely urgent that we talk with the boss right now.
เป็นเรื่องด้วนมากๆที่ต้องคุยกับหัวหน้าตอนนี้


วลีต่อไปนี้ต้องตามด้วย V2


- It's time/about time/high time (that) S + V2
- d'rather (would rather) + S + V2
I think it would be a good idea if + S + V2

ตัวอย่าง

It's high time we returned home.
ถึงเวลาที่เราควรกลับบ้านแล้ว

It's time you went to bed, honey.
ถึงเวลาเข้านอนแล้วลูก

He'd rather you visited him.
เขาอยากให้คุณไปเยี่ยมเขา

I think it would be a good idea if you turned down the radio.
ผมคิดว่าคงจะดีถ้าคุณเบาวิทยุ


Wish ปรารถนา



1. S + wish(es) (that) + S + V2
ความปรารถนาปัจจุบัน ที่อยากให้สมปรารถนาในปัจจุบัน

She wishes she had more money.
เธออยากมีเงินมากกว่านี้

Peter wishes he could sing better.
ปีเตอร์อยากร้องเพลงกว่ากว่าเดิม

2. S + wish(es) (that) + S + had + V3.
ความปรารถนาปัจจุบัน ที่อยากให้สมปรารถนาในในอดีต

Dang wished (that) he had not gone to that house.
แดงอยากจะไม่ให้เขาไปที่บ้านนั้น (แต่ความจริงคือเขาไปมา).

She wished (that) her son hadn't been to US
เธออยากให้ลูกชายของเธอไม่ได้ไปอเมริกา.


Have something done, have someone do 



เป็นการเล่าหรือบอกให้ใครอะไรให้เรา

1. to have something done (V3)
2. to have someone do (V1) something
3. to have someone doing something

Sentence Structure | โครงสร้างประโยค
1. S + V to have + something + V3
2. S + V to have + someone + V1
3. S + V to have + someone + V1 +ing

1. เราใช้รูปแบบนี้เมื่อพูดถึงเวลาที่เราให้ใครทำอะไรให้เรา โดยเราเป็นผู้ขอให้ทำให้เรา รูปแบบนี้จะเป็นการเน้นที่การกระทำจึงละผู้กระทำคือคนที่เราขอให้ทำไป
2. เราใช้รูปแบบนี้เมื่อเราขอให้ใครทำอะไรให้เรา แต่ไปเน้นที่ผู้กระทำ

3.  เราใช้รูปแบบนี้เมื่อพูดถึงประสบการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ตัวอย่าง
She has her house painted.
เธอให้คนทาสีบ้านให้เธอ

She has the worker paint her house.
เธอให้คนงานทาสีบ้านให้เธอ

Jim was having his hair cut when I saw him yesterday. (cut = V3)
จิมกำลังให้คนตัดผมให้เขาตอนที่ผมเจอเขาเมื่อวานนี้

Jim was having the barber cut his hair when I saw him yesterday. (cut = V1)
จำกำลังให้ช่างตัดผมตัดผมให้เขาตอนที่ผมเจอเขาเมื่อวานนี้

Could you please have this work finished by today?
รบกวนช่วยทำงานนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ได้ใหม๊

Could you have someone finish this work by today?
รบกวนช่วยหาใครมาทำงานนี้ให้เสร็จภายในวันนี้ได้ใหม๊

I remember having someone painting her house.
ผมจำได้ถึงเรื่องที่ให้ใครทาสีให้เธอ

When we went to Hau Hin, we had the John cooking for us.
ตอนที่เราไปหัวหิน เราให้จอนทำอาหารให้เรา


What VS Which

การใช้ which กับ what บางทีก็ทำให้สับสนว่าควรใช้อะไร มีหลักการง่าย ว่าควรใช้อะไรดังนี้ครับ

what ใช้ถามโดยทั่วๆไป ไม่ได้เจอะจง เช่น

What fruit do you most? คุณชอบผลไม้อะไรมากที่สุด (ผลไม้อะไรก็ได้ในโลกนี้)

which ใช้ถามเจาะจงกว่า โดยเป็นการเลือกจากตัวเลือก เช่น อาจจะมีผลไม้อยุ่บนโต๊ะ มี แตงโม มังคุด ทุเรียน ส้ม แล้ว A ก็เลยถาม B ว่า B ชอบผลไม้อะไร ระหว่าง แตงโม มังคุด ทุเรียน ส้ม เป็นต้น

Which fruit do you like most, water melon, mangosteen, durian or orange?
ผลไม้อะไรที่คุณชอบมากที่สุด แตงโม มังคุด ทุเรียน หรือ ส้ม

อีกตัวอย่างหนึ่งเพื่อให้เห็นภาพระหว่าง which กับ what สมมุติว่า คุณกำลังจะไปอนุสาวรีชัยสมรภูมิ แต่ไม่รู้ว่าต้องขึ้นรถบัส สายอะไรเลย คุณก็อาจจะถามว่า

Excuse me, I am going to Victory Monument. What bus shall I take?
ขอโทษครับ ผมกำลังจะไปอนุสาวรีชัยสมรภูมิ ผมควรจะขึ้นรถเมล์สายอะไร

แต่ ถ้าคุณเห็นว่าที่ป้ายรถเมล์ที่คุณกำลังรอรถเมล์อยู่ มีบอกสายรถเมล์ ที่ผ่านตรงนั้น แต่ไม่ได้บอกว่าสายใหนไปใหนบ้าง คุณก็อาจจะถามคนแถมนั้นว่า

Excuse me, could you please tell me which bus goes to Victory Monument?
ขอโทษคะ ช่วยบอกหน่อยได้ใหม๊คะว่ารถเมล์สายอะไรไปอนุสาวรีชัยสมรภูมิ


as if / as though

 as if/as though (แอซ อีฟ/แอซ โธ)  แปลว่า ราวกับ เหมือนกับ ดังนี้ครับ

โครงสร้าง และ วิธีใช้  as if/as though

1. S + V1 + as if/as though + S + V1

2. S + V1 + as if/as though + S + V2

3. S + V2 + as if/as though + S + had + V3

1. โคร้งสร้างประโยคแรกใช้ใน สถานการณ์หรือเหตุการณ์ (condition/situation) ที่เป็นจริงหรือมีความเป็นไปได้ (real/probable)

​You looks as if you haven't slept for many days. (you haven't slept for many days)
ดูเหมือนคุณไม่ได้นอนมาหลายวัน  (คุณไม่ได้นอนมาหลายวัน)

It seems it is going to rain. 
ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก

2. โครงสร้างที่สอง ใช้ใน สถานการณ์หรือเหตุการณ์ (condition/situation) ที่ไม่เป็นจริง ในปัจจุบัน (unreal situation in the present)

You looks as if you didn't slept for many days.
หน้าตาคุณดูราวกับคุณไม่ได้นอนมาหลายวัน

It seems it were going to rain.
ดูราวกับว่าฝนกำลังจะตก

3. โครงสร้างที่สาม ใช้ใน สถานการณ์หรือเหตุการณ์ (condition/situation) เหตุการณ์ ที่ไม่เป็นจริง ในอดีต (unreal situation in the past)

Yesterday, you looked as if you hadn't slept for many days.
เมื่อวานนี้ หน้าตาคุณดูราวกับคุณไม่ได้นอนมาหลายวัน

When I was leaving my house this morning, it looked as if it had been going to rain.
เมื่อวานตอนผมกำลังออกจากบ้านมันมองดูราวกับว่าฝนกำลังจะตก

ข้อสังเกตุ
as if / as though ต้องตามด้วยประโยคเสมอ

0 comments:

Post a Comment